Google Ads (หรือ Google Adwords) คือบริการจากเว็บไซต์ Google ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มประเภท Search Engine ที่เอาไว้สืบค้นข้อมูลที่ต้องการ เมื่อผู้ใช้มีการค้นหาบางสิ่งบางอย่าง โฆษณาต่าง ๆ ก็จะปรากฏขึ้น ซึ่ง Google จะเริ่มคิดค่าบริการจากที่มีคนคลิกเข้ามาที่หน้าโฆษณานั้น ๆ หรือคลิกเข้ามาที่หน้าเว็บไซต์ของเรา ความแตกต่างระหว่างผลการค้นหาในรูปแบบของ Google Search Ad และผลการค้นหาแบบออร์แกนิคคือ ผลการค้นหาที่มีการจ่าย Ad จะอยู่ในการโฆษณาประเภท Pay Per Click ซึ่งคอนเทนต์หรือเว็บไซต์เหล่านี้จะปรากฏทันที เมื่อมีผู้ค้นหาที่ใช้ Keyword ตรงตัวหรือใกล้เคียงกัน แต่ผลการค้นหาแบบออร์แกนิค คือคอนเทนต์หรือเว็บไซต์ที่ต้องใช้เวลาในการจัดลำดับ ไม่ได้จ่ายค่าโฆษณาเพื่อดันคอนเทนต์ให้อยู่ใน Rank อันดับสูง ๆ ตั้งแต่ต้น แต่ใช้วิธีการสร้างคอนเทนต์แบบธรรมชาติ มีคุณภาพ และมีการใช้เทคนิค SEO ซึ่ง Google จะใช้ระบบอัลกอริทึมวิเคราะห์เพื่อจัดลำดับเว็บไซต์
Google Ad หนึ่งในวิธีการโฆษณาที่ผู้ประกอบการสามารถนำมาใช้คือ Google Display Network ซึ่งเป็นโฆษณาเหล่านี้จะมีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องกับ Google และมีการลงโฆษณาจากเว็บไซต์ต่าง ๆ ซึ่งผู้ใช้อินเทอร์เน็ตสามารถเข้าถึงได้อย่างกว้างขวาง มากกว่าการทำ PPC จากการค้นหาบนหน้าเว็บโดยปัจจุบันเว็บไซต์เครือข่ายเหล่านี้มีมากกว่า 2 ล้านเว็บไซต์ นอกจากนี้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตอาจจะเคยได้ยิน หรือเคยเห็น Google Shopping กันมาบ้างบนหน้าผลการค้นหา ซึ่ง Google Shopping Ad ได้รับความนิยมจากนักชอปออนไลน์ทั้งหลายเช่นเดียวกัน ลักษณะของ Shopping Ad บน Google จะมีรูปภาพที่หลากหลายจากแบรนด์ต่าง ๆ ปรากฏขึ้นมาจากทางด้านล่างของช่องการค้นหาเพื่อให้ลูกค้าเลือกชมสินค้ากันแบบเต็มอิ่ม โดยรายละเอียดสินค้าจะถูกกำกับเอาไว้ที่ด้านล่างของรูป พร้อมราคา หรือโปรโมชันที่แบรนด์อยากนำเสนอ
1.Google Search Ads
Keyword ต่าง ๆ เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องและเว็บไซต์ใกล้เคียง จะปรากฏขึ้นบนหน้าผลการค้นหาในหน้าแรก ซึ่ง Google จะมีวิธีการวิเคราะห์เว็บไซต์ต่าง ๆ เพื่อจัดลำดับเว็บ ซึ่งเว็บโฆษณาเหล่านี้ จะต้องจ่ายค่าโฆษณาทุกครั้งที่มีการคลิกเข้ามาที่หน้าเว็บของเรา ดังนั้น คุณภาพของ Landing Page มีความสำคัญมากต่อการดึกดูดลูกค้า เนื่องจากเว็บไซต์ของแบรนด์มีส่วนให้ผู้ซื้อ สามารถค้นหาเจอได้จากการสร้าง Keyword ที่สำคัญ และจะไม่ทำให้การลงทุนของคุณนั้นสูญเปล่า ข้อดีอีกประการหนึ่งคือ Google Ad สามารถวัดประสิทธิภาพการใช้งานได้ โดยการรายงานผลผู้ที่เข้ามาชมสินค้า และจำนวนที่คลิกเข้ามา ซึ่งผู้ประกอบการสามารถนำสถิติจากการวัดผลมาใช้เพื่อจัดทำงบประมาณทางการตลาด และงบประมาณการโฆษณาแบบประหยัดอีกด้วย
2. ช่วยคุณควบคุมค่าใช้จ่ายในการโฆษณา
การตั้งค่า Bid ให้กับโฆษณานั้นมีความสำคัญในการทำธุรกิจออนไลน์มาก เนื่องจาก Keyword ที่กลุ่มเป้าหมายค้นหา (หรือใช้ Keyword มีความใกล้เคียง) มีผลกับการโฆษณาเว็บไซต์บนหน้าผลการค้นหาเป็นจำนวนมาก หรือที่เราเรียกว่า Search Engine Result Page ( SERP) ดังนั้นผู้ประกอบการควรวางกลยุทธ์ก่อนลงทุนจ่ายค่า PPC หากแบรนด์ไม่แน่ใจว่าควรลงทุนกับการใช้ Keyword คำใด Google มีเครื่องมือที่ชื่อว่า Keyword Planner ที่สามารถแนะนำผู้ประกอบการได้ว่า ในแต่ละเดือน มีคนค้นหา Keyword ต่าง ๆ จำนวนกี่คน และทำให้เราทราบว่าสินค้าที่เราต้องการนำเสนอนี้ มีความต้องการในตลาดมากน้อยแค่ไหน ทำให้แบรนด์สามารถวางแผนการตลาดโดยการใช้ Keyword ที่ตอบโจทย์ในการทำ Google Ad ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่ง Google สามารถช่วยคุณวางแผนค่าใช้จ่ายการทำโฆษณาตรงนี้ได้ด้วย นอกจากนี้ Google สามารถช่วยคุณเสนอราคาในการทำโฆษณาได้อีกหลายวิธี เช่น เมื่อมีพื้นที่โฆษณาว่างจากหน้าเว็บไซต์และบล็อกอื่น ๆ Google Ads จะมีการจัดประมูลให้โฆษณาสามารถใช้พื้นที่ว่างตรงนั้น โปรโมตสินค้า ซึ่งการเสนอราคาจากผู้ประกอบการ มีส่วนที่จะทำให้แบรนด์ได้แสดงโฆษณานั้น ๆ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วย
3.Google Ad สามารถเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมให้กับพื้นที่โฆษณาของคุณ
การสร้าง Google Ad ไม่มีแพลตฟอร์มที่ตายตัว แต่ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์และความเหมาะสมในการใช้งาน เช่น แพลตฟอร์มโฆษณาบนหน้าจอคอมพิวเตอร์และหน้าจอมือถือ มีลักษณะแพลตฟอร์มที่แตกต่างกัน เช่นแพลตฟอร์มโฆษณาบนมือถือ จะปรับข้อความให้เหมาะสมกับพื้นที่บนหน้าจอ ซึ่งในบางครั้ง ข้อความอาจจะกระชับมากกว่า หรือคุณสามารถคลิกที่นี่ เพื่อมองหารูปแบบแบนเนอร์ทำโฆษณาที่ใช่ได้เพิ่มเติม